เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณควรมีติดบ้านในปี 2022 นี้
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณควรมีติดบ้านในปี 2022 นี้

การดำเนินชีวิตประจำวันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การนอน การพักผ่อนหรือทำกิจกรรมต่างๆ ล้วนแล้วอาศัยไฟฟ้าเป็นปัจจัยหลักๆ ทั้งสิ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่า “เครื่องใช้ไฟฟ้า” เป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีในสมัยนี้มีความก้าวหน้าสะดวกสบาย สามารถทำอะไรได้หลากหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่นอันโนมัติ ที่จะช่วยให้การทำความสะอาดบ้านของท่านสะดวกยิ่งขึ้น หรือปัญหาจากมลพิษทางอากาศอย่างฝุ่นควัน เครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้อากาศภายในที่พักของท่านบริสุทธิ์สามารถสูดหายใจได้เต็มที่ เป็นต้น ในบทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “5 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณควรมี” พร้อมกับตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเกินขนาดหากไม่ระวังในการใช้งาน ให้กับทุกๆ ท่านได้ทราบกันครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราไปชมกันเลย…

3 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเยอะโดยที่คุณไม่รู้ตัว

อับดับที่ 1 เครื่องทำน้ำอุ่น

เครื่องทำน้ำอุ่นนั้นจะกินไฟประมาณ 2,500-12,000 วัตต์ ถ้านำมาคำนวณกับค่าไฟเฉลี่ย คิดเป็นค่าไฟเฉลี่ยชั่วโมงละ 10-47 บาท โดยมีเคล็ดลับในการใช้อย่างประหยัด คือ เลือกซื้อเครื่องที่มีขนาดเหมาะสม พร้อมต่อสายดินให้เรียบร้อยและทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ปรับอุณหภูมิให้พอดี 

อันดับที่ 2 เครื่องปรับอากาศ

สภาพอากาศของประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน “เครื่องปรับอากาศ” เป็นอุปกรณ์ที่อยู่คู่กับทุกบ้านและขาดไม่ได้ หากท่านเปิดแอร์ที่อุณหภูมิต่ำมากๆ เพื่อสู้กับอากาศร้อนแล้วหล่ะก็ จะทำให้กินไฟเป็นอย่างมาก  โดยเฉลี่ยแล้ว แอร์จะกินไฟประมาณ 1,200-3,300 วัตต์ ถ้านำมาคำนวณกับค่าไฟเฉลี่ย คิดเป็นค่าไฟชั่วโมงละ 5-13 บาท เคล็ดลับในการใช้อย่างประหยัด คือ เลือกซื้อเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงและมีขนาดเหมาะสมกับห้อง พร้อมปฏิบัติตามคู่มืออย่างเคร่งครัด ติดตั้งในระดับที่สูงพอดี มีที่ระบายความร้อน และไม่ไว้ใกล้วัตถุไวไฟ

อันดับที่ 3 หม้อหุงข้าว

หม้อหุงข้าวเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีติดบ้าน โดยเฉพาะกับผู้ที่หลงใหลในการทำอาหารจะต้องมีหม้อหุงข้าวเป็นของตนเองอย่างแน่นอน ซึ่งตัวหม้อหุงข้าวทั่วไปๆ จะกินไฟประมาณ 450-1,500 วัตต์ ถ้านำมาคำนวณกับค่าไฟเฉลี่ย คิดเป็นค่าไฟชั่วโมงละ 2-6 บาท เคล็ดลับในการใช้อย่างประหยัด คือ เลือกใช้หม้อที่มีขนาดพอดีกับคนในครอบครัว และหุงข้าวให้พอดีกับการกินในแต่ละมื้อครับ

5 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณควรมี

1. เครื่องฟอกอากาศ

เป็นที่ทราบกันดีว่า ทุกวันนี้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนต้องผจญกับมลภาวะต่างๆ และอากาศที่เป็นพิษที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างเครื่องมือมาช่วยทำให้อากาศสะอาด สดชื่น นั่นก็คือ เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการกรองอากาศในบริเวณที่เราอยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี นับได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญชิ้นหนึ่งที่ต้องมีติดบ้านไว้ครับ

2. เครื่องกรองน้ำ 

เนื่องจากร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญ นั่นหมายความว่าน้ำที่เราดื่มเข้าไปจึงมีส่วนสำคัญต่อร่างกายและการใช้ชีวิตของเราเป็นอย่างมาก และเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งน้ำสะอาดเพื่อดื่มหลายครอบครัวจึงเลือกที่จะซื้อน้ำดื่มรับประทานแทนการดื่มน้ำประปา แต่หากเรามีเครื่องกรองน้ำที่มีคุณภาพจะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำและยังสามารถมั่นใจในความสะอาดของน้ำดื่มได้อีกด้วย

3. เตาแม่เหล็กไฟฟ้าอเนกประสงค์

ด้วยสถานการณ์โควิด 19 ในปัจจุบัน การที่เราจะออกไปรับประทานอาหารข้างนอกนั้นเป็นไปได้ยาก การทำอาหารกินเองจึงเป็นทางเลือกหลักที่จะช่วยให้ทุกๆ ท่านได้อิ่มท้อง ซึ่งด้วยการใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้านอกจากจะสะดวกสบายเพียงแค่เสียบปลั๊กก็ใช้ได้เลย ทำความสะอาดได้ง่ายและยังปลอดภัยกว่าการใช้เตาแก๊สอีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเนื้อหาที่เรานำมาฝากทุกๆ ท่านกันในวันนี้ เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกๆ ท่านกันนะครับ

นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุโทรศัพท์
4 นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานโทรศัพท์ของคุณ

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือมีการออกรุ่นใหม่ที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้กับทุกๆ ท่านอย่างมากมาย ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์เราก็ว่าได้ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แนวโน้มการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศนั้น ส่งผลให้มีปริมาณการผลิตและขายสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น และส่งผลกระทบทางอ้อมต่างๆ มากมายให้กับธรรมชาติดั่งเช่น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต ซึ่งรู้หรือไม่ว่าปริมาณของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมดจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนนั้นมากเป็นอับดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมจนสามารถกล่าวได้ว่าสมาร์ทโฟนมีส่วนทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์มากมายตามการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นสาเหตุที่ทำให้หลายๆ ท่านจะต้องเปลี่ยนโทรศัพท์อยู่บ่อยครั้งนั้นก็คือ “แบตเตอร์รี่เสื่อม” นั้นเอง 

บทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านมาพบกับ “4 นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุโทรศัพท์” ที่จะช่วยให้ท่านไม่ต้องเปลี่ยนโทรศัพท์บ่อยและสามารถทำได้ด้วยตนเองง่ายๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปอ่านกันเลย…

ปัจจัยที่ทำให้โทรศัพท์พังไว ?

  • ใช้งานมือถือในที่ร้อน หรือ เย็น มากเกินไป การใช้งานในพื้นที่หนาวและร้อนเกินไปอาจจะทำให้แบตเตอรี่มือถือเสื่อมเร็วได้เช่น iPhone สามารถทนอุณหภูมิได้สูงไม่เกิน 25 องศา และต่ำสุดไม่เกิน 0 องศา โดยถ้ามากกว่า 25 องศาจะทำให้คายประจุออกมา 25% และถ้าสูงกว่านี้โอกาสเสียก็จะมีมากขึ้นแต่เรื่องนี้ปัจจัยในประเทศไทยอาจจะคุมได้ยาก ถ้าคุณต้องทำงานกลางแจ้ง
  • ปล่อยให้ไฟมือถือหมดจนเหลือ 0 แล้วชาร์จใหม่ บางคนก็ยังใช้งานผิด ๆ ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดแล้วชาร์จใหม่ เป็นข้อที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะแบตเตอรี่แบบ Li-ion หรือ ลิเทียม ไอออน จะใช้ระบบการจำรอบการชาร์จมากกว่าการปล่อยให้หมดไป ยิ่งปล่อยให้แบตฯเหลือน้อยโอกาสเสื่อมก็จะมีมากขึ้น ดังนั้นควรปล่อยใหม่หมดแล้วชาร์จแต่ควรทำเป็นปล่อยสัก 30% แล้วชาร์จจะดีที่สุด
  • เปิดมือถือไว้ตลอดเวลา บางคนบอกว่าไม่ปิดเพราะกลัวมือถือไม่ได้ปลุก อันนี้ก็มีเหตุผล แต่ความจริงการปิดเปิดเครื่องใหม่ข้อดีคือแบตเตอรี่จะไม่ได้คายประจุแล้วใช้งานได้ลื่นไหลเมื่อเปิดใหม่ อันนี้ถือว่าเป็นอีกจุดที่ดีและน่าใช้เช่นกัน

เปิด Bluetooth หรือ WiFi ตลอดเวลา การเปิดตัวเชื่อม 2 ระบบนี้จะทำให้เครื่องหาสัญญาณตลอดเวลาส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่เพราะเปลืองไฟแน่นอน ดังนั้นควรปิดหากไม่ได้ใช้งานจะดีกว่า

4 นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุโทรศัพท์ของท่าน

1.เลือกปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือขณะไม่ได้ใช้งานหรือช่วงก่อนอน ซึ่งการทำแบบนี้ จะช่วยให้เครื่องและระบบต่างๆ ไม่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา
2.ลบรูปภาพหรือ App ที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อจัดการหน่วยความจำของเครื่องให้เพียงพออยู่เสมอ
3.ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ไม่ควรรอให้แบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 20% แล้วค่อยชาร์จ ขณะที่ชาร์จไม่ควรใช้งานโทรศัพท์มือถือไปด้วย เนื่องจากเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจรและส่งผลทำให้แบเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว
4.ห้ามใช้อุปกรณ์เสริมและสายชาร์จที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน หรือไม่เป็นตามอัตรากำลังไฟฟ้าที่เหมาะสม ส่งผลทำให้เครื่องทำงานหนักและเสื่อมสภาพ ควรถอดเคสมือถือขณะชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องร้อนจนอะไหล่เกิดการเสื่อมสภาพ

และนี้คือ “4 นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานโทรศัพท์ของคุณ” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันครับ เราหวังว่าบทความนี้จะสามารถให้ประโยชน์แก่ทุกๆ ท่านได้เป็นอย่างดีครับผม