AI ปัญญาประดิษฐ์
ทำความรู้จัก AI

ปัจจุบันด้วยเรื่องของเทคโนโลยีนั้นเป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและก้าวหน้าเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกิน การคมนาคมที่น่าสนใจ ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจเป็นอย่างกมากเลย วันนี้เราจะพาไปรู้จักเกี่ยวกับ “AI” กันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันเล้ยย!!!

AI หรือปัญญาประดิษฐ์เป็นอย่างไร?

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นสาขาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความรู้ความเข้าใจที่ปกติเชื่อมโยงกับความฉลาดของมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ การสร้าง และการจดจำภาพ องค์กรสมัยใหม่รวบรวมข้อมูลจำนวนมากจากแหล่งที่มาหลากหลาย เช่น เซ็นเซอร์อัจฉริยะ เนื้อหาที่มนุษย์สร้างขึ้น เครื่องมือตรวจติดตาม และข้อมูลบันทึกระบบ เป้าหมายของ AI คือการสร้างระบบการเรียนรู้ด้วยตนเองซึ่งต่อยอดความหมายที่ได้จากข้อมูล จากนั้น AI จะสามารถใช้ความรู้นั้นเพื่อแก้ปัญหาใหม่ๆ ในรูปแบบที่คล้ายคลึงมนุษย์ได้ ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี AI สามารถตอบสนองต่อการสนทนาของมนุษย์โดยมีความหมายเข้าใจได้ สร้างภาพและข้อความต้นฉบับ และตัดสินใจตามอินพุตข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ องค์กรของคุณสามารถผสานความสามารถของ AI ในแอปพลิเคชันของคุณเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทางธุรกิจ ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และเร่งการสร้างนวัตกรรม

2 บทบาทของ AI ในปัจจุบันmที่ถูกนำมาใช้งานมากที่สุด

●ระบบช่วยเหลือลูกค้าออนไลน์

เว็บไซต์ปัจจุบันมักมีระบบแชทที่คอยตอบปัญหาหรือช่วยเหลือลูกค้าได้แบบออนไลน์ ซึ่งผู้ที่คอยตอบนั้น ก็ล้วนมีทั้งพนักงานที่เป็นมนุษย์ หรือว่าเป็น “Chatbot” ซึ่งเป็น AI ที่จะคอยช่วยเหลือลูกค้าได้ 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการตอบคำถามที่ถูกถามบ่อย ได้ประโยชน์ทั้งลดปริมาณงานของพนักงาน Call Center หรือ เจ้าของธุรกิจที่จะต้องคอยตอบคำถามเหล่านั้น และ ลูกค้าก็ได้รับคำตอบที่ต้องการอย่างรวดเร็วเช่นกัน

●ผู้ช่วยเสมือนจริง

ผู้ใช้สมาร์ทโฟนคงคุ้นเคยกันดีกับ “Siri” ที่เป็นระบบผู้ช่วยเสมือนจริงแบบสั่งงานด้วยเสียงในอุปกรณ์ของ Apple หรือ Google Assistant ซึ่งแน่นอนว่าผู้ช่วยไฮเทคนี้ก็เป็น AI เช่นกัน ขับเคลื่อนด้วยระบบประมวลภาษาธรรมชาติ ที่จะวิเคราะห์คำสั่งหรือความต้องการของผู้ใช้ผ่านภาษาที่พูดกันโดยปกติ ให้ AI สามารถเข้าใจและสร้างประโยคเพื่อตอบคำถามหรือทำในสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของ AI

●แก้ปัญหาที่ซับซ้อน

เทคโนโลยี AI สามารถใช้ ML และเครือข่ายดีปเลิร์นนิงเพื่อแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนด้วยความฉลาดที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ AI สามารถประมวลผลข้อมูลได้ในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการค้นหารูปแบบ การระบุข้อมูล และการให้คำตอบ คุณสามารถใช้ AI เพื่อแก้ไขปัญหาในหลากหลายด้าน เช่น การตรวจจับการฉ้อโกง การวินิจฉัยทางการแพทย์ และการวิเคราะห์ธุรกิจ

●เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ

เทคโนโลยี AI ต่างจากมนุษย์ตรงที่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันโดยที่อัตราประสิทธิภาพไม่ลดลง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ AI สามารถทำงานที่ต้องด้วยตนเองได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด คุณสามารถตั้งค่าให้ AI โฟกัสไปที่งานน่าเบื่อที่ต้องทำซ้ำๆ เพื่อให้คุณสามารถนำบุคลากรไปใช้งานในด้านอื่นๆ ของธุรกิจได้ AI สามารถลดเวิร์กโหลดของพนักงาน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้งานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมีความคล่องตัวขึ้น

●ตัดสินใจอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว AI สามารถใช้ ML เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากได้เร็วกว่ามนุษย์ แพลตฟอร์ม AI สามารถระบุแนวโน้ม วิเคราะห์ข้อมูล และให้คำแนะนำได้ AI สามารถช่วยแนะนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในอนาคตได้ โดยอาศัยการคาดการณ์ข้อมูล

●กระบวนการทางธุรกิจโดยอัตโนมัติ

คุณสามารถฝึก AI ด้วย ML เพื่อทำงานต่างๆ ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยทำให้งานส่วนต่างๆ ของธุรกิจที่พนักงานต้องรับมือหรือเป็นงานที่น่าเบื่อเป็นไปโดยอัตโนมัติ ในทำนองเดียวกัน คุณสามารถใช้ระบบอัตโนมัติของ AI เพื่อเพิ่มทรัพยากรให้กับพนักงานสำหรับใช้ในงานที่ซับซ้อนและสร้างสรรค์มากขึ้นได้

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ทำความรู้จัก AI” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะชอบกันไม่มากก็น้อยกันนะครับ

ถนอมสายชาร์จ
ทำไมเราต้องถนอมสายชาร์จ

โทรศัพท์มือถือนับว่าสำคัญมากๆ แต่หากไม่มีแบตเตอร์รี่แล้วหล่ะก็…ก็ไม่ต่างจากที่ทับกระดาษดีๆ นี่เอง ดังนั่นการถนอมสายชาร์จเป็นอะไรที่ควรที่จะดูแลอย่างใกล้ชิดอีกทั้งราคาสายและตัวหัวชาร์จราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ อีกด้วยครับ บทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ถนอมสายชาร์จมือถือ” ด้วยวีธีง่ายๆ กันครับ

วิธีถนอมสายชาร์จและแท่นชาร์จ

การดูแลสายชาร์จให้คงสภาพใหม่ นอกจากจะช่วยให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพดีแล้ว ยังส่งผลให้เราไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่! ซึ่งสามารถทำได้ดังต่อไปนี้

1. อย่าดึงปลั๊ก ด้วยความรุนแรง! เวลาที่เราเสียบสายชาร์จ หรือถอดสายชาร์จออก เราควรจับบริเวณตรงหัวพลาสติกแข็งเท่านั้น ไม่ควรที่จะดึงตรงสายชาร์จโดยตรง หรือดึงตรงส่วนข้อต่อ เพราะหากว่าเราดึงแรง ๆ อาจส่งผลให้สายไฟด้านในเกิดความเสียหาย หรือเกิดการฉีกขาดได้ ไม่ใช่แค่กับสายชาร์จที่ทำจากยาง TPE เท่านั้นนะ รวมไปถึงสายชาร์จทุกประเภท เราก็ไม่ควรกระชาก ควรที่จะเบามือที่สุด และจับแค่บริเวณส่วนหัวพลาสติกของสายไฟเท่านั้น เพื่อช่วยป้องกันไฟดูด และยังช่วยถนอมสายชาร์จของเราให้ใช้งานได้นานที่สุด

2. เลี่ยงการชาร์จไปพร้อม ๆ กับการใช้งาน สิ่งที่ทุกคนละเลย และมักจะชอบทำเป็นนิสัยนั่นก็คือ การชาร์จไฟไปเล่นสมาร์ทโฟนไปด้วยการที่เราชาร์จไปเล่นไปส่งผลทำให้สายกับข้อต่อจะเกิดการค้งงอผิดรูปทำให้บริเวณสายไฟกับข้อต่อเกิดการหักได้ และ ส่งผลให้เกิดความร้อนทั้งกระแสไฟที่เพิ่มปริมาณมาก และเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ของเราเสื่อมลงเร็วอีกด้วย ร้ายไปกว่านั้นเครื่องและสายรวมทั้งอาจทำให้เครื่องระเบิดได้เลยนะครับ

3. ไม่ควร เอาอะไรมาพัน หรือติดที่สายชาร์จ ตอนนี้หลายคนหันมาหาของตกแต่งไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตุ่น เชือกพลาสติก หรือสติ๊กเกอร์มาแปะติดที่สาย หรือหัวชาร์จเพิ่มความน่ารัก แต่หารู้ไม่ว่าอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ทำงานด้วยไฟฟ้า มักจะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่ตลอดเวลาดังนั้นหากเรานำของเหล่านี้มาตกแต่งจะส่งผลทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้ จึงเกิดความเสี่ยงทำให้เกิดความร้อนสะสม จนไปถึงอาจระเบิดได้อีกด้วย

4. การดูแลทำความสะอาด การทำความสะอาดอุปกรณ์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้นพร้อมทำให้สายชาร์จดูใหม่น่าใช้อยู่ตลอดเวลา โดยวิธีทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่าย เช่น ผ้า แอลกอฮอล์ สเตคลีน เช็คออก เป็นต้น

เคล็ดลับการดูแลแบตเตอรี่

อย่าทิ้งแบตเตอรี่ลิเธียมไว้ที่ 0% นานเกินไป หากคุณไม่ได้ใช้งานเป็นระยะเวลาหนึ่งให้ทิ้งไว้แบบยังคงมีแบตเตอรี่อยู่บ้าง โดยชาร์จประมาณ 50% คุณจะพบว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่าง 5% ถึง 10% ในแต่ละเดือน และหากคุณปล่อยให้แบตเตอรี่หมดก็อาจไม่สามารถเก็บประจุได้เลย นั่นอาจเป็นสาเหตุที่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของโทรศัพท์เครื่องเก่าแย่ลงมาก หลังจากเก็บไว้ในลิ้นชักไม่กี่เดือนแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ก็ตาม

ควรชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนหรือไม่?

ตามกฎแล้วคุณควรหลีกเลี่ยง แม้ว่ามันจะสะดวกในการตื่นขึ้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่เต็มในตอนเช้า แต่การชาร์จเต็มแต่ละครั้งจะนับเป็น ‘รอบ’ และโทรศัพท์ของคุณ ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ตามจำนวนที่กำหนดเท่านั้น ในขณะที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มีเซ็นเซอร์ในตัว เพื่อปิดการชาร์จเมื่อถึง 100%

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับการ “ที่ต้องถนอมสายชาร์จ” เราได้นำฝากกันในบทความนี้ เราหวังว่าทุกๆ ท่านจะชอบกันนะครับ

ชาร์จแบตมือถือ
เลือกที่ชาร์จอย่างไรให้เหมาะกับคุณ

การเลือกสายชาร์จและที่ชาร์จแบตเตอร์โทรศัพท์อย่างเหมาะสม จะช่วยทำให้การชาร์จแบตของคุณประหยัดเวลามากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “เลือกที่ชาร์จอย่างไร? ให้เหมาะกับคุณ” กันครับ

ทำความรู้จักกับการ ชาร์จแบตมือถือ

การชาร์จแบตมือถือก็เปรียบเสมือนการเติมอาหารหรือพลังงานไฟฟ้าให้กับแหล่งกักเก็บอย่าง แบตเตอร์รี่ ที่จะใช้เป็นแหล่งพลังงานของมือถือแต่ละเครื่องนั้นองครับ

วิธีการเลือกซื้อหัวชาร์จ?

สำหรับวิธีการเลือกซื้อหัวชาร์จนั้นจะแบ่งจุดสังเกตออกเป็นหัวข้อหลัก ๆ ได้แก่

ปริมาณไฟขาเข้า: บางครั้งคุณกลับมาจากการเรียนต่อต่างประเทศ แต่มือถือที่คุณซื้อที่นั่นทำไมถึงเอากลัวมาชาร์จที่ไทยไม่ได้ หรือมีกลิ่นไหม้บนอะแดปเตอร์ ส่วนมากก็มาจาก ปริมาณไฟขาเข้าที่แตกต่างกัน (ตามปกติบ้านเราไฟแรงกว่าที่อื่น ทำให้ส่วนมากจะเกิดอาการหัวชาร์จไหม้) แม้ว่าหัวชาร์จใหม่ ๆ ส่วนมากจะเป็น Smart Charger กันหมดแล้ว แต่ถ้าซื้อมาจากต่างประเทศพอกลับไทยถ้าไม่ใช่ของแบรนด์ใหญ่ ๆ อย่างหัวชาร์จ Apple หัวชาร์จ Samsung หรือระดับเทียบเท่ากัน แนะนำให้ลองหาซื้อใหม่ในไทยเพื่อความชัวร์ ไม่อย่างนั้นอาจจะสร้างความเสียหายให้ทั้งสายชาร์จและหัวชาร์จได้

ปริมาณไฟขาออก: ต่อมาเรามาดูที่ปริมาณไฟขาออกว่าตัวหัวชาร์จสามารถขับไฟออกได้เท่าไหร่ กระแสเท่าไหร่ ก็มาจาก W และ A ของตัวอะแดปเตอร์เรานี่แหละ โดยการหัวชาร์จมือถือทั่วไปก็จะเริ่มต้นที่ 5 W ไปจนถึง 20 W สำหรับหัวชาร์จเร็ว (Fast Charger) ส่วนกระแสนั้นก็พยายามเลือกให้สัมพันธ์กับสายชาร์จของเรา เช่นถ้าเราใช้สาย 2.1 A ตัวหัวก็ควรเป็น หัวชาร์จ 2.1 A เป็นต้น

ควรชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ให้เต็ม 100% หรือไม่?

คำตอบคือไม่ควรหรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่ทุกครั้ง บางคนแนะนำให้คุณชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ (รอบการชาร์จ) เดือนละครั้ง เนื่องจากการปรับเทียบแบตเตอรี่ใหม่จะเหมือนกับการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ แต่คนอื่นมองเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปแล้ว เพราะมันมีไว้ใช้กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในโทรศัพท์เก่า ๆ เท่านั้น

ควรชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนหรือไม่?

ตามกฎแล้วคุณควรหลีกเลี่ยง แม้ว่ามันจะสะดวกในการตื่นขึ้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่เต็มในตอนเช้า แต่การชาร์จเต็มแต่ละครั้งจะนับเป็น ‘รอบ’ และโทรศัพท์ของคุณ ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ตามจำนวนที่กำหนดเท่านั้น ในขณะที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มีเซ็นเซอร์ในตัว เพื่อปิดการชาร์จเมื่อถึง 100% แต่บางทีมันหากมันยังเปิดอยู่ก็จะทำให้แบตเตอรี่หายไปเล็กน้อยในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน

ฟังก์ชันชาร์จเร็วจะทำให้โทรศัพท์เสียหายหรือไม่?

แม้ว่าการชาร์จอย่างรวดเร็วจะไม่เป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณ แต่ในเรื่องความร้อนก็อาจจะที่เกิดขึ้นได้ มันอาจจะส่งผลต่ออายุการใช้งานในอนาคต ดังนั้นคุณจะต้องเรียนรู้ที่จะใช้ฟังก์ชันการชาร์จเร็วแบบพอดี ๆ ในช่วงเวลาที่เร่งรีบจริง ๆ จะดีกว่าใช้การชาร์จเร็วเป็นประจำทุก ๆ วันเพราะเครื่องจะร้อนเอามากๆ นั้นเองครับ

2 วิธีชาร์จมือถือที่ถูกต้องแบบง่ายๆ

อย่าใช้แบตหมดจนเครื่องดับ ถึงแม้ทุกวันนี้มือถือจะมีระบบที่จะปิดตัวเองก่อนที่แบตเตอรี่จะหมดจริง ๆ แต่การชาร์จไฟเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นได้เช่นกัน (ง่าย ๆ คือยิ่งชาร์จตอนเหลือน้อยเท่าไร อายุแบตเตอรี่ก็จะยิ่งสั้นเท่านั้น) โดยสิ่งที่ควรทำจริง ๆ คืออย่างมากควรจะชาร์จแบตเตอรี่ตอนเหลือน้อยที่สุด 40% – 50% หรือให้ดี ชาร์จมันบ่อย ๆ เลยก็ได้ จะช่วยลดปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมไปได้ในระดับหนึ่ง

เลี่ยงการใช้งานระหว่างชาร์จ ในการใช้งานมือถือไป ชาร์จไฟไปนั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง หากเป็นไปได้ควรวางเอาไว้เฉย ๆ หรือทางที่ดี ปิดเครื่องไปเลยก็ได้ครับ เพราะเวลาชาร์จไฟขณะเล่นไปด้วยนั้นจะทำให้มีการอัดไฟเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดความร้อนอย่างมาก ซึ่งทั้งกระแสไฟปริมาณมากและความร้อนที่เกิดขึ้นคือสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว

การชาร์จแบต
ทำความรู้จักเกี่ยวกับ การชาร์จแบต ต่างๆ

การชาร์จแบตโทรศัพท์ มีหลักการที่เราควรรู้มากกว่าที่คิด เราต้องชาร์จแบตทุกๆ วัน จึงทำให้เราอาจพลาดหรือไม่ระวังจนทำให้เกิดความศูนย์เสียต่อทรัพย์สินหรืออันตรายต่อร่างกายเราได้อีกด้วย วันนี้เราจะขอพาท่านผู้อ่านไปพบกับ “การชาร์จแบตที่ดี” ควรทำอย่างไรกันครับ

หลักการชาร์จแบตที่ถูกต้อง

●อย่าใช้แบตหมดจนเครื่องดับ

ถึงแม้ทุกวันนี้มือถือจะมีระบบที่จะปิดตัวเองก่อนที่แบตเตอรี่จะหมดจริง ๆ แต่การชาร์จไฟเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นได้เช่นกัน (ง่าย ๆ คือยิ่งชาร์จตอนเหลือน้อยเท่าไร อายุแบตเตอรี่ก็จะยิ่งสั้นเท่านั้น) โดยสิ่งที่ควรทำจริง ๆ คืออย่างมากควรจะชาร์จแบตเตอรี่ตอนเหลือน้อยที่สุด 40% – 50% หรือให้ดี ชาร์จมันบ่อย ๆ เลยก็ได้ จะช่วยลดปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมไปได้ในระดับหนึ่ง

●อย่าปล่อยให้เครื่องร้อน อยู่ในที่เย็นยิ่งดี

การใช้งานมือถือจนร้อนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามรวมถึงการทำให้แบตเตอรี่โดนความร้อนหรือทิ้งมือถือเอาไว้กลางแดดนั้นจะไม่ส่งผลดีต่อตัวมือถือและแบตเตอรี่เลยสักนิด เพราะจากข้อมูลในตารางด้านบน การที่แบตเตอรี่เจอความร้อนมาก ๆ จะทำให้ความจุแบตเตอรี่ลดลงเร็วขึ้นด้วย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากใช้งานหรือกระทำการใด ๆ จนเครื่องร้อนนั้น ควรปล่อยให้เครื่องเย็นลงก่อนถึงค่อยเอาไปชาร์จนะครับ

●เลี่ยงการใช้งานระหว่างชาร์จ

ในการใช้งานมือถือไป ชาร์จไฟไปนั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง หากเป็นไปได้ควรวางเอาไว้เฉย ๆ หรือทางที่ดี ปิดเครื่องไปเลยก็ได้ครับ เพราะเวลาชาร์จไฟขณะเล่นไปด้วยนั้นจะทำให้มีการอัดไฟเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดความร้อนอย่างมาก ซึ่งทั้งกระแสไฟปริมาณมากและความร้อนที่เกิดขึ้นคือสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว และหากเลวร้ายอาจถึงขั้นระเบิดใส่เลยก็ได้ ดังนั้นหากเราไม่ใช้งานมือถือหรือปิดเครื่องไปเลย กระแสไฟที่วิ่งเข้าไปในเครื่องก็จะไม่สูงเกินไป ทำให้เกิดความร้อนน้อยมาก ๆ ช่วยให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย

●สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไปเรื่อย ๆ ได้แม้ไฟเต็ม

ในปัจจุบันนี้ทั้งมือถือและที่ชาร์จจะมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จเต็มอยู่ ดังนั้นไม่ต้องไปกลัวว่าถ้าเสียบชาร์จทิ้งไว้นาน ๆ แล้วแบตเตอรี่จะเสื่อมเลย เว้นเสียแต่ว่าแบตเตอรี่หรือที่ชาร์จนั้นไม่ใช่ของแท้หรือไม่ได้มาตราฐาน ก็อาจจะมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เนื่องจากของไม่แท้หรือไม่ได้มาตราฐานอาจจะไม่มีระบบตัดไฟติดมาด้วย หากไปคาดหวังให้ชิ้นส่วนอื่น ๆ ช่วยตัดไปแทนแล้วเกิดระบบส่วนอื่น ๆ ไม่ทำการตัดไฟ เราก็จะเจอเหตุการณ์มือถือระเบิดใส่ระหว่างชาร์จ ดังที่เราเห็นในข่าวนั่นเอง

●อย่าอัดประจุเพิ่มด้วยที่ชาร์จไฟแรง ๆ

ในการชาร์จไฟเราต้องเคยเอามาลองทำกันแน่นอนอยู่แล้วกับการเอาที่ชาร์จไฟกำลังสูงมาชาร์จมือถือ ซึ่งมันก็ช่วยให้การชาร์จเร็วขึ้น แถมบางครั้งก็ยังใช้ได้นานกว่าปกติอีกด้วย แต่นั่นก็เพราะว่าไฟที่เข้าไปในแบตเตอรี่นั้นมันเกิน 100% ของที่แบตเตอรี่เก็บได้นั่นเอง อย่างเช่นเวลาเราไปช๊อปปิ้งแล้วพยายามยัดของลงถุงพลาสติดที่เตรียมมาไม่พอใช้ให้สามารถใส่ของลงไปได้หมด แรก ๆ อาจจะยังพอยัดได้ แต่พอนาน ๆ เข้าตัวถุงก็จะเกิดการฉีดขาดหรืออาจจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ทางที่ดีก็ควรเลือกใช้ที่ชาร์จที่มากับเครื่องจะดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็ควรใช้ที่ชาร์จที่ปล่อยไฟได้เท่ากับที่ชาร์จของตัวเครื่องนั่นเอง

เห็นแล้วใช่มั้ยหล่ะครับว่า “การชาร์จแบตที่ดี” สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ทำตามข้อมูลที่เราหามาข้างต้นกันครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กันน้า

การชาร์จแบตโทรศัพท์
ชาร์จแบตข้ามคืนส่งผลเสียกว่าที่คุณคิด

เรื่องของการชาร์จแบตโทรศัพท์ เป็นอะไรใกล้ตัวสำหรับทุกๆ ท่านอย่างแน่นอน เป็นเพราะว่าเราจะต้องใช้โทรศัพท์ในชีวิตประจำวันอยู่ตลอดจึงทำให้แบตหมดลงอย่างรวดเร็วได้ แต่การชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน อาจจะส่งผลเสียต่อเครื่องโทรศัพท์มากกว่าที่คุณคาดคิด วันนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปหาคำตอบและหาความรู้กันครับ

ชาร์จแบตข้ามคืนส่งผลต่อโทรศัพท์อย่างไรบ้าง?

หลายคนอาจกังวลว่า ชาร์จแบตทิ้งไว้เป็นเวลานาน แบตจะเสีย เสื่อม หรือระเบิดรึป่าว แต่เนื่องจากสมัยนี้โทรศัพท์ถูกออกแบบมาให้หยุดชาร์จเมื่อไฟเต็ม จึงไม่ส่งผลเสียใดๆ กับแบตเตอรี่ เราจึงสบายใจได้ว่า หากเสียบชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ทั้งคืน หรือแม้อาจข้ามต่อไปอีกหลายวันก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ

อย่างไรก็ตาม เราควรคำนึกว่า ชาร์จอย่างไรให้ปลอดภัย ซึ่งการชาร์จแบตเตอรี่ให้ปลอดภัยนั้น มีปัจจัยหลายส่วน คือ

●อุปกรณ์ที่ใช้ต้องมีคุณภาพ ทั้งตัวเครื่องและอุปกรณ์เสริม ควรได้รับมาตรฐาน และผลิตหรือจัดจำหน่ายอย่างถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือ

●สภาพภายนอกของอุปกรณ์ ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยขาด บุบ ละลาย หรือมีความเสียหายอื่นๆ

●เสียบชาร์จไฟให้แน่นสนิท ทั้งด้านที่เสียบกับไฟฟ้าบ้าน จุดที่เสียบสายชาร์จเข้ากับ Adaptor และส่วนที่เสียบเข้ากับตัวเครื่อง

สภาพแวมล้อมระหว่างชาร์จควรระบายความร้อนได้ดี เช่น ไม่วางโทรศัพท์บนเตียง ผ้า หรือไม่วางใกล้กับอุปกรณ์ให้ความร้อน

3 วิธีการเลือกสายชาร์จให้เหมาะสมกับอุปกรณ์

ก่      อนที่เราจะไปดูวิธีการดูแลสายชาร์จ เราควรรู้วิธีการเลือกสายชาร์จยังไงให้เหมาะกับอุปกรณ์ เพื่อที่ว่าเราจะได้ใช้งานสายชาร์จได้อย่างถูกต้อง และตรงตามอุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่ หลัก ๆ มีอยู่ 3 ข้อที่สำคัญ

 – พอร์ต หรือขั้วชาร์จที่รองรับ ก่อนจะเลือกซื้อสายชาร์จทุกครั้ง เราต้องรู้ก่อนว่า สมาร์ทโฟนที่เราใช้งานอยู่นั้นเป็นพอร์ต หรือขั้วแบบไหน เพื่อที่ว่าเราจะได้เลือกใช้งานได้ถูกต้อง นอกจากเราควรเลือกหัวพอร์ตชาร์จ หรือมีฉนวนส่วนหุ้มที่สายชาร์จ ต้องได้มาตรฐานมีคุณภาพ เพื่อที่จะไม่ทำให้หัวพอร์ตเกิดการแตกหักได้ง่าย และป้องกันไม่ให้เกิดไฟรั่วอีกด้วยครับ 

 – การจ่ายไฟของสายชาร์จ เราควรเลือกสายชาร์จให้ตรงตามอุปกรณ์ เช่น หากสมาร์ทโฟนเราสามารถรองรับการชาร์จเร็วได้ เราก็ควรเลือกใช้งานสายชาร์จเร็วด้วยเช่นกัน เพื่อจะส่งผลช่วยชาร์จแบตเตอรี่ของเราได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประหยัดเวลาได้มากขึ้น ในปัจจุบันระบบการชาร์จเร็วมีค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Fast Charging, Quick Charge หรือ จ่ายไฟแบบ PD การเลือกสายชาร์จที่ดีควรเลือกใช้งานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีการชาร์จที่สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์เสริมของเราสามารถรองรับเพื่อให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

– วัสดุสายชาร์จ สายชาร์จจะมีการเลือกใช้วัสดุ 2 ชนิด คือ วัสดุที่ทำจากพลาสติก หรือยาง TPE จะมีความยืดหยุ่นสูง หลากแบรนด์ผู้ผลิตมักเลือกใช้วัสดุประเภทนี้ผลิตสายชาร์จ และต่อมาคือ วัสดุที่ทำจาก เชือกถักไนล่อน จะมีความแข็งแรง ทนทาน จะโดดเด่นในเรื่องของสีสันความสวยงาม ความแตกต่างของ 2 วัสดุนี้คือเรื่องของความแข็งแรง ดีไซน์ความสวยงาม ความทนทานที่แตกต่างกัน และการใช้งาน ดังนั้นอยากให้ผู้ใช้งานเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดครับ

ความเชื่อผิดๆ ในการชาร์จมือถือที่คุณอาจทำมาตลอดโดยไม่รู้ตัว

ชาร์จมือถือข้ามคืนอาจทำให้มือถือระเบิด  เราไม่สามารถโอเวอร์ชาร์จสมาร์ทโฟนจากการชาร์จโดยปกติได้ เนื่องจากสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในปัจจุบันจะมีวงจรควบคุมการจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่จะค่อยๆ ลดการจ่ายกระแสไฟลงเรื่อยๆ เมื่อการชาร์จเข้าใกล้ 100%

ควรใช้จนแบตหมดเกลี้ยงแล้วค่อยชาร์จจนเต็ม การปล่อยให้แบตเตอรีสมาร์ทโฟนหมดเกลี้ยงแล้วค่อยชาร์จจนเต็มไม่ได้ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรีขึ้นเลย กลับกันมันยังทำให้แบตเสื่อมเร็วอีกด้วย

โอ้โหวได้ความรู้มากกว่าที่คาดไว้เลยหล่ะครับ หวังว่าท่านผู้อ่านจะเข้าใจเกี่ยวกับการชาร์จแบตกันมากขึ้นกันนะครับ

วิธีถนอมสายชาร์จ
5 วิธีถนอมสายชาร์จให้ใช้งานได้นาน

โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนเปรียบได้ว่าเป็น “สิ่งของจำเป็น” สำหรับชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก เพราะอะไรอะไร ณ ตอนนี้ก็สามารถดำเนินการผ่านโทรศัพท์ได้ทั้งนั้น แต่หากโทรศัพท์เราแบตหมดก็จะทำให้ชีวิตของคุณในช่วงเวลานั้นๆ ยุ่งยากขึ้นมาทันที บทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไปค้นหาความรู้เกี่ยวกับ “5 วิธีถนอมสายชาร์จให้ใช้งานได้นาน” กันครับ

ความสำคัญของโทรศัพท์มือถือต่อชีวิตประจำวัน

เมื่อโลกก้าวเข้ามาสู่ยุคแห่งการสื่อสารไร้สาย โทรศัพท์มือถือจึงมีบทบาทสำคัญสำหรับการติดต่อสื่อสาร และได้แทรกซึมไปกับการใช้ชีวิตประจำวันทุกช่วงเวลาไปอย่างไม่รู้ตัว จนทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของการใช้ชีวิตอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งทำให้โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้แล้ว เนื่องจากมีฟังก์ชันหลากหลายที่ตอบโจทย์ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปสวยๆ หรือจะโทรแบบวิดีโอคอล การส่งข้อความได้ฟรีๆผ่านแอปพลิเคชัน หรือจะเล่นเกมส์ ช้อปปิ้งออนไลน์ และที่สำคัญคือทำให้เราสามารถติดต่อกันได้ง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายๆ ผ่านแอพอีกด้วย

5 วิธีดูแลสายชาร์จ

เก็บสายชาร์จให้ถูกวิธี – ม้วนดี ๆ – ใส่เคสแยก

การม้วนเก็บสายชาร์จให้ถูกวิธีทำได้โดยม้วนเป็นวงใหญ่ ๆ หลวม ๆ เก็บไว้ในช่องแยกของกระเป๋า หรือ อาจ ซื้อ กระเป๋าใบเล็ก เคสเก็บสายชาร์จ หรือ ที่เก็บสายชาร์จมาไว้เก็บสายชาร์จโดยเฉพาะ สละเวลาม้วนสักหน่อยอย่าขยำสายแล้วเก็บลงไปในกระเป๋า เพื่อป้องกันไม่ให้สายชาร์จไปพันหรือถูกอุปกรณ์อื่นในกระเป๋ากดทับอาจทำให้สายงอผิดรูป หัก หรือ ด้านในสายไฟขาดได้

เบามือกับสายชาร์จ – ดึงปลั๊กที่หัวพลาสติก

เวลาที่เราเสียบสายชาร์จหรือถอดสายชาร์จออกควรจับบริเวณหัวพลาสติก ไม่ควรดึงที่สายโดยตรงหรือดึงตรงข้อต่อ เพราะการดึงแรง ๆ เช่นนั้นจะทำให้สายไฟด้านในถูกกระชากและอาจฉีกขาดได้ ไม่ใช่แค่กับสายชาร์จ iPhone เท่านั้น แต่กับปลั๊กไฟทุกประเภทก็ควรเบามือและจับบริเวณหัวพลาสติกของสายไฟเพื่อถนอมสายด้านในและป้องกันไฟดูดด้วย หากมีรอยรั่วบริเวณสาย

อย่าให้ข้อโค้งงอ – ไม่ชาร์จไปเล่นไป

การชาร์จไปเล่นไปสายกับข้อต่อจะโค้งงอผิดรูปทำให้บริเวณสายไฟกับข้อต่อหักได้ และอีกประการหนึ่งก็คือการชาร์จไปเล่นไปอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งโทรศัพท์และตัวผู้ใช้เพราะทำให้การจ่ายไฟเข้าเครื่องไม่เสถียร เกิดความร้อนที่มากไปต่อตัวเครื่องและสายรวมทั้งอาจทำให้เครื่องระเบิดได้

ไม่ควรใส่อุปกรณ์เสริมมากเกินไป

จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เทรนด์ลูกปัดกันและเกลียวสปริงถนอมสายชาร์จสีสันสดสวยมาแรง หลาย ๆ คนเชื่อว่าการนำอุปกรณ์เหล่านั้นมาหุ้มสายชาร์จทั้งสายจะช่วยถนอมและยืดอายุการใช้งานแถมยังป้องกันสิ่งสกปรกได้ แต่นั่นเป็นความเชื่อที่ผิดเพราะการนำอุปกรณ์เหล่านี้มาหุ้มทั้งสายนั้น จะทำให้เกิดความร้อนกว่ามาตรฐานต่อสายชาร์จและยังอาจทำให้สายชาร์จเสื่อมเร็ว เกิดการละลายหรือกรอบแตกอีกด้วย เพราะฉะนั้นหากต้องการเสริมความแข็งแรงควรเลือกเสริมแค่บริเวณข้อต่อก็เพียงพอแล้ว

เพิ่มความแข็งแรงให้ข้อต่อ – อุปกรณ์เสริม

เราสามารถใช้อุปกรณ์เสริมกันข้อต่อสายไฟหักมาเสริมความแข็งแรงและดูแลสายชาร์จของเราได้ อาจหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์และตามอินเทอร์เน็ต หรือหากต้องการอุปกรณ์ราคาประหยัดสามารถใช้ท่อหด D.I.Y มาหุ้มบริเวณข้อต่อสายชาร์จได้ ป้องกันการหักบริเวณยอดฮิตอย่างข้อต่อสายชาร์จ

เปลี่ยนอย่างไรกันบ้างครับกับ “5 วิธีถนอมสายชาร์จให้ใช้งานได้นาน” ที่เราได้หามาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความนี้ เราหวังว่าจะชอบกันนะครับ

ระบบไม้กั้น
ระบบความปลอดภัยที่มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมควรเลือกใช้  

ภายในอุตสาหกรรมนั้นระบบความปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก และ ปัจจุบันนั้นการรักษาความปลอดภัย และ การรัดกุมความปลอดภัยนั้นมีมากขึ้นอย่างมากด้วยเช่นกันนั้นจึงทำให้ปัจจุบันนั้นระบบภายในอุตสาหกรรมนั้นมีการควบคุมระบบความปลอดภัยที่หลากหลายอย่างมาก ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าภายในอุตสาหกรรมนั้น มีระบบความปลอดภัยแบบไหนกันบ้าง ที่ทำให้ภายในอุตสาหกรรมนั้นมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และทำให้มีการเลือกใช้ระบบความปลอดภัยที่หลากหลายแบบไหนบ้าง  

ไม้กันรถยนต์ ที่ใช้ในพื้นที่จอดรถ  

อย่างแรกเลยที่มีความป้องกันความปลอดภัยภายในอุตสาหกรรมในพื้นที่จอดรถนั้นจะมีการเลือกใช้ระบบระบบไม้กั้น เพื่อให้การเข้าออกภายในพื้นที่จอดรถนั้นมีมาตรฐาน และ ทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการใช้ระบบสแกนบัตร หรือ อาจจะเป็นการใช้ระบบแลกบัตร  เพื่อให้คนที่เข้ามานั้นออกไป โดยไม่ใช่มิจฉาชีพ หรือ มีการโจรกรรมเกิดขึ้น ภายในพื้นที่จอดรถ จึงทำให้มีการเลือกใช้ระบบระบบไม้กั้น เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ ภายในอุตสาหกรรมเท่านั้น ยังมีภายในห้างสรรพสินค้าที่มีการเลือกใช้ ระบบไม้กั้น ด้วยเช่นกัน  

ระบบการสแกนนิ้ว  

ระบบสแกนนิ้วเองก็เป็นอีกหนึ่งในระบบที่มีการใช้งานอย่างหลากหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภายในอุตสาหกรรม หรือ พื้นที่อื่น ๆ ที่มีการใช้เวลาในการเข้าระบบ ซึ่งข้อดีของระบบสแกนนิ้วนั้นนอกจากจะมีข้อดีในเรื่องของความปลอดภัยแล้ว ยังมีอีกหนึ่งในข้อดีอย่างมากนั้นคือ ในเรื่องของ การจัดการด้านเวลา ทำให้ในเรื่องของการจัดระบบในด้านเวลานั้นมีความง่ายมากยิ่งขึ้น และทำให้ประหยัดเวลาในการจัดการด้านเอกสารมากยิ่งขึ้นอย่างมากด้วยเช่นกัน  

ระบบล็อคประตูอัตโนมัติ  

เป็นอีกหนึ่งในระบบที่จะมีการทำงานเมื่อมีการเปิด และ ปิดประตู นั้นจะทำให้ประตูนั้นล็อคเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในระบบที่ดีอย่างมาก เพราะว่าหากว่าผู้ที่ไม่มีอำนาจ หรือ ผู้ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องจะไม่สามารถเข้าใช้งานได้ จึงเป็นอีกหนึ่ง ระบบที่ค่อนข้างจะมีประโยชน์อย่างมากภายในอุตสาหกรรม เพราะว่าบางห้องภายในอุตสาหกรรมนั้นอาจจะไม่ได้เปิดให้พนักงานทุกคนเข้าใช้งานได้นั้นเอง  

ระบบ OTP  

เป็นอีกหนึ่งในระบบที่ค่อนข้างจะมีความยอดนิยมอย่างมาก ซึ่งระบบ OPT นั้นเป็นระบบที่มีความปลอดภัยอย่างมากเพราะว่าระบบ OTP นั้นจะเป็นระบบที่สามารถที่จะทำให้ มีความปลอดภัยมาก เพราะว่า OTP นั้นจะเป็นระบบที่มีเพียงแค่เพียงคนเดียวที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งระบบ OTP นั้นจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ดีมากยิ่งขึ้นอย่างมาก  และทำให้ข้อมูลนั้นไม่รั่วไหล และ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยที่มีการใช้งานมากยิ่งขึ้นอย่างมากภายในอุตสาหกรรม  

ดังนั้นจะเห็นว่าในเรี่องของ ระบบนั้นมีความสำคัญอย่างมาก และ ภายในอุตสาหกรรมนั้น มีระบบความปลอดภัยที่หลากหลายอย่างมาก ที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมนั้นซึ่งปัจจุบันนั้นภายในอุตสาหกรรมนั้นจะมีการเลือกใช้ระบบความปลอดภัยที่หลากหลายอย่างมากเพื่อให้ในเรื่องของความปลอดภัยนั้นสามารถที่จะครอบคลุมในทุก ๆ ที่ และทำให้มีความปลอดภัย 

อุปกรณ์ IT
3 ร้านออนไลน์ ซื้อขายอุปกรณ์ไอที ยอดนิยม

หากคุณกำลังมองหาสินค้าไอทีหรืออุปกรณ์ที่มีไฮเทคโนโลยีต่างๆ คงจะมีร้านประจำกันอยู่เป็นแน่ การจะเลือกซื้อสินค้าไอทีสักชิ้นหลายๆ ก็คงถึงห้างใหญ่ๆ อย่างพันทิพย์ หรือ เซียนรังสิต ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมร้านค้าไอทีมากมาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ในบรรดาร้านค้าเหล่านี้ หากเราขาดความรู้ด้านอุปกรณ์ไอทีบางครั้งอาจถูกมิจฉาชีพหลอกขายของได้ ดังนั้นจึงควรรู้และเข้าใจถึงจะไปซื้อได้เองได้ นอกจากนี้ในแต่ละร้านก็ให้คำแนะนำด้านสินค้าไม่เหมือนกัน บางร้านก็เน้นขายอย่างเดียว ไม่ได้สนใจว่าเราจะซื้อไปแล้วใช้งานได้มั้ย? ถ้าคุณมีผู้ช่วยหรือร้านค้าไอทีออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพทั้งด้านบริการและอุปกรณ์ครบครันอยู่แล้วคอยให้คำแนะนำการเลือกซื้อสินค้า เราก็จะได้ของตามที่เราต้องการง่ายมากขึ้นแถมในบางครั้งเพียงแค่คลิกเลือก ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง สินค้าเหล่านี้ก็จะมาถึงมือท่านอย่างง่ายดายครับ ในบทความนี้จะพาทุกๆ ท่านไปรู้จักกับ 3 ร้านค้าอุปกรณ์ไอทียักษ์ใหญ่อย่าง JIB, Advice และ Banana เพื่อเป็นทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้าให้กับท่านกันครับ

ประวัติโดยสังเขปของ 3 ร้านค้าไอทีชื่อดัง 

JIB จาก “ร้านขายคอมพิวเตอร์” สู่การเป็น “บริษัทผู้นำในการจำหน่ายสินค้าไอทีแบบครบวงจร”

จุดเริ่มต้นของ J.I.B COMPUTER GROUP เกิดขึ้นมาจากความรักและความสนใจ “คอมพิวเตอร์” ของคุณสมยศที่คอยจัดสเปคคอมให้กับเพื่อนๆ และคนรู้จักแต่เจอปัญหาว่า “การเลือกของดีต้องเดินไล่ซื้อจากหลายๆ ร้านซึ่งเสียเวลา เกิดคำถามขึ้นว่าทำไมไม่มีร้านคอมพิวเตอร์ร้านเดียวที่ขายของดีทุกอย่างจบครบวงจร” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของร้าน J.I.B COMPUTER GROUP ซึ่งคือร้านขายคอมพิวเตอร์ ร้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเซียร์-รังสิต เริ่มจากเงินลงทุนในการเปิดร้านไม่มากนัก แต่ด้วยความรักและความสนใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์รวมถึงอยากที่จะมีธุรกิจและมีการให้บริการด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดีที่เป็นที่บอกต่อๆ กันโดยยึดหลักพื้นฐานที่ว่า “ให้มากกว่าผลกำไร” 

Advice

Advice Holdings Group (AVH) เริ่มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 โดยผู้ก่อตั้งที่มีประสบการณ์ในแวดวงไอทีมาไม่ต่ำกว่า 17 ปี อันได้แก่ คุณณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ คุณอมร ทาทอง และคุณปรีชา สินอาภา บริษัทได้พัฒนาระบบค้าส่ง สินค้าไอที ผ่านเว็บไซต์รายแรกของไทย ในชื่อว่า www.advice.co.th ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเครือข่ายร้านไอทีที่มีอยู่ขายในส่วนสินค้าไอทีเป็นอันดับ 1 ปัจจุบัน Advice ถือเป็นผู้นำด้านค้าส่งในตลาดไอที ที่มียอดขายเหนือระดับหมื่นล้านบาทตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ด้วยร้านค้าในเครือกว่า 300 สาขาทั่วประเทศ ครอบคลุมเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย

Banana IT

บริษัทคอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เป็นเจ้าของร้าน IT ชื่อดังอย่าง Banana ที่เราเห็นอยู่ตามห้างใหญ่ๆ 

จุดเริ่มต้นของ COM7 เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2539 คุณสุระ คณิตทวีกุล และผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่นๆ ได้เปิดร้านค้าปลีกสินค้าไอทีในห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ภายใต้ชื่อร้าน BIG IT ซึ่งพอดำเนินธุรกิจไปสักระยะ พวกเขามองเห็นโอกาสการเติบโตใน
ตลาดไอทีของเมืองไทยเนื่องจากในตอนนั้น คนไทยที่สามารถเข้าถึงและใช้งานคอมพิวเตอร์ ยังมีสัดส่วนน้อยมาก จึงมีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก ด้วยแนวโน้มที่คนไทยนิยมบริโภคสินค้าไอทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทฯ เล็งเห็นว่า ธุรกิจค้าปลีก มีข้อดีกว่าการขายส่งหลายอย่างบริษัทฯ จึงตัดสินใจปรับนโยบายการดำเนินธุรกิจโดยหันมาโฟกัสกับธุรกิจค้าปลีกและเร่งขยายจำนวนร้านค้าปลีกไปยังศูนย์การค้าต่างๆ ทั่วประเทศซึ่งก็คือร้าน Banana นั้นเอง 

จุดแข็งของ 3 ร้านไอทีออนไลน์

จุดแข็งของแต่ร้าน สามารถมองเป็นมุมต่างๆ ได้ดังนี้

1. จำนวนสาขา Advice มีสาขาทั้งหมด 350 สาขา รวมทั่วประเทศและใน สปป. ลาว, รองลงมาร้านค้า Banana it มีสาขาทั่วประเทศทั้งหมด 193 สาขา, และอันดับสุดท้าย JIB มีสาขาอยู่ทั่วประเทศอยู่ทั้งหมด 147 สาขา จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 ร้านดังมีสาขาที่คอยให้บริการแก่ลูกค้าอย่างทั่วถึงทั้งหน้าร้านและระบบออนไลน์

2. ประเภทของสินค้า ทั้ง 3 ร้านมีการโฟกัสการขายสินค้าที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น Banana IT เน้นการขายสมาร์ทโฟนส่วน JIB และ Advice เน้นการขายอุปกรณ์ซอลฟ์แวร์และฮาร์ทแวร์ของอุปกรณ์ไอทีแบบครบวงจร

3. รูปแบบร้านค้าออนไลน์ ทั้ง 3 ร้าน มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น Banana IT มีอินเตอร์เฟสที่สวยงามแต่ใช้งานยาก, Advice สามารถใช้งานได้สะดวกและง่ายต่อการสั่งสินค้าและ JIB อินตอร์เฟสเรียบง่ายแต่อันแน่นไปด้วยเนื้อหาการให้บริการที่ดีครับ

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณควรมีติดบ้านในปี 2022 นี้
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณควรมีติดบ้านในปี 2022 นี้

การดำเนินชีวิตประจำวันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การนอน การพักผ่อนหรือทำกิจกรรมต่างๆ ล้วนแล้วอาศัยไฟฟ้าเป็นปัจจัยหลักๆ ทั้งสิ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่า “เครื่องใช้ไฟฟ้า” เป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีในสมัยนี้มีความก้าวหน้าสะดวกสบาย สามารถทำอะไรได้หลากหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่นอันโนมัติ ที่จะช่วยให้การทำความสะอาดบ้านของท่านสะดวกยิ่งขึ้น หรือปัญหาจากมลพิษทางอากาศอย่างฝุ่นควัน เครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้อากาศภายในที่พักของท่านบริสุทธิ์สามารถสูดหายใจได้เต็มที่ เป็นต้น ในบทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “5 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณควรมี” พร้อมกับตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเกินขนาดหากไม่ระวังในการใช้งาน ให้กับทุกๆ ท่านได้ทราบกันครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราไปชมกันเลย…

3 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเยอะโดยที่คุณไม่รู้ตัว

อับดับที่ 1 เครื่องทำน้ำอุ่น

เครื่องทำน้ำอุ่นนั้นจะกินไฟประมาณ 2,500-12,000 วัตต์ ถ้านำมาคำนวณกับค่าไฟเฉลี่ย คิดเป็นค่าไฟเฉลี่ยชั่วโมงละ 10-47 บาท โดยมีเคล็ดลับในการใช้อย่างประหยัด คือ เลือกซื้อเครื่องที่มีขนาดเหมาะสม พร้อมต่อสายดินให้เรียบร้อยและทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ปรับอุณหภูมิให้พอดี 

อันดับที่ 2 เครื่องปรับอากาศ

สภาพอากาศของประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน “เครื่องปรับอากาศ” เป็นอุปกรณ์ที่อยู่คู่กับทุกบ้านและขาดไม่ได้ หากท่านเปิดแอร์ที่อุณหภูมิต่ำมากๆ เพื่อสู้กับอากาศร้อนแล้วหล่ะก็ จะทำให้กินไฟเป็นอย่างมาก  โดยเฉลี่ยแล้ว แอร์จะกินไฟประมาณ 1,200-3,300 วัตต์ ถ้านำมาคำนวณกับค่าไฟเฉลี่ย คิดเป็นค่าไฟชั่วโมงละ 5-13 บาท เคล็ดลับในการใช้อย่างประหยัด คือ เลือกซื้อเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงและมีขนาดเหมาะสมกับห้อง พร้อมปฏิบัติตามคู่มืออย่างเคร่งครัด ติดตั้งในระดับที่สูงพอดี มีที่ระบายความร้อน และไม่ไว้ใกล้วัตถุไวไฟ

อันดับที่ 3 หม้อหุงข้าว

หม้อหุงข้าวเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีติดบ้าน โดยเฉพาะกับผู้ที่หลงใหลในการทำอาหารจะต้องมีหม้อหุงข้าวเป็นของตนเองอย่างแน่นอน ซึ่งตัวหม้อหุงข้าวทั่วไปๆ จะกินไฟประมาณ 450-1,500 วัตต์ ถ้านำมาคำนวณกับค่าไฟเฉลี่ย คิดเป็นค่าไฟชั่วโมงละ 2-6 บาท เคล็ดลับในการใช้อย่างประหยัด คือ เลือกใช้หม้อที่มีขนาดพอดีกับคนในครอบครัว และหุงข้าวให้พอดีกับการกินในแต่ละมื้อครับ

5 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณควรมี

1. เครื่องฟอกอากาศ

เป็นที่ทราบกันดีว่า ทุกวันนี้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนต้องผจญกับมลภาวะต่างๆ และอากาศที่เป็นพิษที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างเครื่องมือมาช่วยทำให้อากาศสะอาด สดชื่น นั่นก็คือ เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการกรองอากาศในบริเวณที่เราอยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี นับได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญชิ้นหนึ่งที่ต้องมีติดบ้านไว้ครับ

2. เครื่องกรองน้ำ 

เนื่องจากร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญ นั่นหมายความว่าน้ำที่เราดื่มเข้าไปจึงมีส่วนสำคัญต่อร่างกายและการใช้ชีวิตของเราเป็นอย่างมาก และเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งน้ำสะอาดเพื่อดื่มหลายครอบครัวจึงเลือกที่จะซื้อน้ำดื่มรับประทานแทนการดื่มน้ำประปา แต่หากเรามีเครื่องกรองน้ำที่มีคุณภาพจะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำและยังสามารถมั่นใจในความสะอาดของน้ำดื่มได้อีกด้วย

3. เตาแม่เหล็กไฟฟ้าอเนกประสงค์

ด้วยสถานการณ์โควิด 19 ในปัจจุบัน การที่เราจะออกไปรับประทานอาหารข้างนอกนั้นเป็นไปได้ยาก การทำอาหารกินเองจึงเป็นทางเลือกหลักที่จะช่วยให้ทุกๆ ท่านได้อิ่มท้อง ซึ่งด้วยการใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้านอกจากจะสะดวกสบายเพียงแค่เสียบปลั๊กก็ใช้ได้เลย ทำความสะอาดได้ง่ายและยังปลอดภัยกว่าการใช้เตาแก๊สอีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเนื้อหาที่เรานำมาฝากทุกๆ ท่านกันในวันนี้ เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกๆ ท่านกันนะครับ

นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุโทรศัพท์
4 นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานโทรศัพท์ของคุณ

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือมีการออกรุ่นใหม่ที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้กับทุกๆ ท่านอย่างมากมาย ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์เราก็ว่าได้ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แนวโน้มการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศนั้น ส่งผลให้มีปริมาณการผลิตและขายสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น และส่งผลกระทบทางอ้อมต่างๆ มากมายให้กับธรรมชาติดั่งเช่น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต ซึ่งรู้หรือไม่ว่าปริมาณของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมดจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนนั้นมากเป็นอับดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมจนสามารถกล่าวได้ว่าสมาร์ทโฟนมีส่วนทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์มากมายตามการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นสาเหตุที่ทำให้หลายๆ ท่านจะต้องเปลี่ยนโทรศัพท์อยู่บ่อยครั้งนั้นก็คือ “แบตเตอร์รี่เสื่อม” นั้นเอง 

บทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านมาพบกับ “4 นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุโทรศัพท์” ที่จะช่วยให้ท่านไม่ต้องเปลี่ยนโทรศัพท์บ่อยและสามารถทำได้ด้วยตนเองง่ายๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปอ่านกันเลย…

ปัจจัยที่ทำให้โทรศัพท์พังไว ?

  • ใช้งานมือถือในที่ร้อน หรือ เย็น มากเกินไป การใช้งานในพื้นที่หนาวและร้อนเกินไปอาจจะทำให้แบตเตอรี่มือถือเสื่อมเร็วได้เช่น iPhone สามารถทนอุณหภูมิได้สูงไม่เกิน 25 องศา และต่ำสุดไม่เกิน 0 องศา โดยถ้ามากกว่า 25 องศาจะทำให้คายประจุออกมา 25% และถ้าสูงกว่านี้โอกาสเสียก็จะมีมากขึ้นแต่เรื่องนี้ปัจจัยในประเทศไทยอาจจะคุมได้ยาก ถ้าคุณต้องทำงานกลางแจ้ง
  • ปล่อยให้ไฟมือถือหมดจนเหลือ 0 แล้วชาร์จใหม่ บางคนก็ยังใช้งานผิด ๆ ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดแล้วชาร์จใหม่ เป็นข้อที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะแบตเตอรี่แบบ Li-ion หรือ ลิเทียม ไอออน จะใช้ระบบการจำรอบการชาร์จมากกว่าการปล่อยให้หมดไป ยิ่งปล่อยให้แบตฯเหลือน้อยโอกาสเสื่อมก็จะมีมากขึ้น ดังนั้นควรปล่อยใหม่หมดแล้วชาร์จแต่ควรทำเป็นปล่อยสัก 30% แล้วชาร์จจะดีที่สุด
  • เปิดมือถือไว้ตลอดเวลา บางคนบอกว่าไม่ปิดเพราะกลัวมือถือไม่ได้ปลุก อันนี้ก็มีเหตุผล แต่ความจริงการปิดเปิดเครื่องใหม่ข้อดีคือแบตเตอรี่จะไม่ได้คายประจุแล้วใช้งานได้ลื่นไหลเมื่อเปิดใหม่ อันนี้ถือว่าเป็นอีกจุดที่ดีและน่าใช้เช่นกัน

เปิด Bluetooth หรือ WiFi ตลอดเวลา การเปิดตัวเชื่อม 2 ระบบนี้จะทำให้เครื่องหาสัญญาณตลอดเวลาส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่เพราะเปลืองไฟแน่นอน ดังนั้นควรปิดหากไม่ได้ใช้งานจะดีกว่า

4 นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุโทรศัพท์ของท่าน

1.เลือกปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือขณะไม่ได้ใช้งานหรือช่วงก่อนอน ซึ่งการทำแบบนี้ จะช่วยให้เครื่องและระบบต่างๆ ไม่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา
2.ลบรูปภาพหรือ App ที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อจัดการหน่วยความจำของเครื่องให้เพียงพออยู่เสมอ
3.ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ไม่ควรรอให้แบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 20% แล้วค่อยชาร์จ ขณะที่ชาร์จไม่ควรใช้งานโทรศัพท์มือถือไปด้วย เนื่องจากเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจรและส่งผลทำให้แบเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว
4.ห้ามใช้อุปกรณ์เสริมและสายชาร์จที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน หรือไม่เป็นตามอัตรากำลังไฟฟ้าที่เหมาะสม ส่งผลทำให้เครื่องทำงานหนักและเสื่อมสภาพ ควรถอดเคสมือถือขณะชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องร้อนจนอะไหล่เกิดการเสื่อมสภาพ

และนี้คือ “4 นิสัยการใช้โทรศัพท์ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานโทรศัพท์ของคุณ” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันครับ เราหวังว่าบทความนี้จะสามารถให้ประโยชน์แก่ทุกๆ ท่านได้เป็นอย่างดีครับผม