กระแสไฟฟ้าสำคัญอย่างไรต่อการชาร์จ

หากว่ากันด้วยเรื่องของการชาร์จแบตเตอร์รี่ต่างๆ แล้วนั้น สิ่งที่สำคัญนอกเหลือจากสายชาร์จและหัวชาร์จนั้นก็คือ “กระแสไฟ” ของบ้าน ซึ่งจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ประเทศอีกด้วยครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “กระแสไฟฟ้าสำคัญอย่างไรต่อการชาร์จ” พร้อมกับไปสำรวจกระแสไฟฟ้าของประเทศอื่นๆ กันด้วยครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…..เราไปลุยกันเล้ยย!!

กระแสไฟฟ้า คืออะไร?

กระแสไฟฟ้า (electric current) คือการไหลของประจุไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า อิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่ในประจุยังสามารถถูกนำพาโดยไอออนได้เช่นกันในสารอิเล็กโทรไลต์ หรือโดยทั้งไอออนและอิเล็กตรอนเช่นใน พลาสมา กระแสไฟฟ้ามีหน่วยวัด SI เป็น แอมแปร์ ซึ่งเป็นการไหลของประจุไฟฟ้าที่ไหลข้ามพื้นผิวหนึ่งด้วยอัตราหนึ่ง คูลอมบ์ ต่อวินาที กระแสไฟฟ้าสามารถวัดได้โดยใช้ แอมป์มิเตอร์ กระแสไฟฟ้าก่อให้เกิดผลหลายอย่าง เช่น ความร้อน (Joule heating) ซึ่งผลิต แสงสว่าง ในหลอดไฟ และยังก่อให้เกิด สนามแม่เหล็ก อีกด้วย ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายใน มอเตอร์, ตัวเหนี่ยวนำ, และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

หลักการชาร์จแบตเตอร์รี่โทรศัพท์ที่ดีเพื่อไม่ให้แบตเสื่อม

●ชาร์จแบตให้เต็มก่อนใช้งาน ถ้าเป็นคนก็คงหมายถึง การพักผ่อนให้เพียงพอ พอตื่นขึ้นมาก็จะสดชื่น พร้อมฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ส่วนคำว่าชาร์จแบตให้เต็มของอุปกรณ์ไอที หมายถึงการชาร์จให้เต็มจริงๆ ไม่ชาร์จนิดหน่อยแล้วนำไปใช้ หรือเพิ่งใช้ปุ๊บแล้วรีบชาร์จปั๊บ เพราะจะทำให้การกักเก็บประจุในแบตเตอรี่ไม่สมบูรณ์

●อย่ารอให้แบตหมดหรือต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ การที่เราใช้อุปกรณ์เพลิน ไม่ว่าจะสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป หรือสมาร์ทวอทช์ จนปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วค่อยชาร์จ ให้พึงระลึกเสมอว่าทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์นั้น คือ การวางยาพิษให้แบตเตอรี่ตายอย่างช้าๆ

●ไม่ชาร์จไป ใช้ไป นี่คือข้อห้าม! เพราะการชาร์จไฟไปแล้วใช้ไป ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ เนื่องจากมีการอัดไฟเพิ่มขึ้นตลอดเวลาจนเกิดความร้อนมาก ทั้งประจุไฟฟ้าที่ไหลเข้าอย่างรวดเร็ว และความร้อนคือ สาเหตุสำคัญของแบตเสื่อม และมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุรุนแรงอย่างแบตระเบิดได้ ควรชาร์จให้เต็มแล้วถอดปลั๊ก นำไปใช้ตามปกติ พอแบตลดจนถึง 20 เปอร์เซ็นต์ค่อยนำไปชาร์จใหม่

●ใช้สายและหัวชาร์จของแท้ เพราะอุปกรณ์ชาร์จไฟที่ดีที่สุดของอุปกรณ์ไอทีก็คือ ของแท้แบรนด์เดียวกัน เหตุผลคือ ของแท้ และตรงรุ่นจะทำมาให้ตรงกับกำลังไฟที่เหมาะสมกับอุปกรณ์นั้นๆ รวมถึงมีฟังก์ชันต่างๆ ที่แมตช์กัน

กำลังไฟฟ้าของแต่ละประเทศที่น่ารู้

–          ไทย กำลังไฟ 220V 50Hz ใช้ปลั๊ก Type A/B/C/F

–          ญี่ปุ่น กำลังไฟ 100V 50Hz/60Hz ใช้ปลั๊ก Type A/B

–          เกาหลีใต้ กำลังไฟ 110V/220V 60Hz ใช้ปลั๊ก Type C/F

–          สิงคโปร์ กำลังไฟ 230V 50Hz ใช้ปลั๊ก Type C/G/M

–          จีน กำลังไฟ 220 V 50Hz ใช้ปลั๊ก Type A/C/I

–          ฮ่องกง 220V 50Hz ใช้ปลั๊ก Type G/D

–          อินเดีย 230V 50Hz ใช้ปลั๊ก Type C/D/M

–          ไต้หวัน กำลังไฟ 110V 60Hz ใช้ปลั๊ก Type A/B

–          ทวีปยุโรป หลายประเทศ เช่น รัสเซีย นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน ออสเตรีย กำลังไฟ 230V 50 Hz ส่วนใหญ่ใช้ปลั๊ก Type C ร่วมกับ F และ เดนมาร์ก C/F/E/K ส่วนType G เฉพาะประเทศอังกฤษ Type C และ J เฉพาะสวิตเซอร์แลนด์ Type C และE เฉพาะ ฝรั่งเศส เช็ก และเบลเยี่ยม

–          ทวีปอเมริกา  กำลังไฟ กำลังไฟ 120V 60Hz ใช้ปลั๊ก Type A/B สำหรับ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา และกำลังไฟ 120V 60Hz สำหรับบราซิล (เป็นประเทศที่ยังมีไฟฟ้าระบบ 2 แรงดันควรตรวจสอบกำลังไฟก่อนใช้งานเพื่อป้องกันเครื่องใช้ฟฟ้าเสียหาย) บราซิลใช้ปลั๊ก Type C และ N เม็กซิโก กำลังไฟ 127V 60Hz ใช้ปลั๊ก Type A/B สุดท้าย กำลังไฟ 220V 50Hz ใช้ปลั๊ก Type C/I สำหรับอาร์เจนตินา

–          ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 230V 50 Hz ใช้ปลั๊ก Type I

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “กระแสไฟฟ้าสำคัญอย่างไรต่อการชาร์จ” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะชอบกันนะครับ