บุหรี่ไฟฟ้า
วิธีการเปลี่ยนคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าและวิธีกาดูแลคอยล์ให้ใช้ได้นานๆ

หากพูดถึงอุปกรณ์หรือเครื่องมือสำหรับสิงห์อมควันทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่แล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จักกับเจ้า “E-cigarettes หรือ บุหรี่ไฟฟ้า” กันอย่างแน่นอนแล้วพวกท่านทราบกันหรือไม่ครับว่า…หลักการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้านั้น ต่างจากบุหรี่ธรรมดาอย่างไร? ส่วนประกอบหลักๆ ของมัน มีอะไรบ้าง? แล้วเจ้า ‘คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า’ นี้ทำหน้าที่อะไร? วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกันครับ

บุหรี่ไฟฟ้าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?
E-Cigarette Health Facts – Will Electronic Cigarette Transform Lives –  Latest Research on E Cigarette, Effects of E Cigarette to human Health &  Can it be an New Life Saver

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก BBC

หลักการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า คือ การสร้างละอองลอยโดยใช้แบตเตอรี่เพื่อทำให้ของเหลวร้อนขึ้น ซึ่งมักจะมีนิโคติน สารปรุงแต่งรส และสารปรุงแต่งอื่นๆ ผู้ใช้สูดดมละอองนี้เข้าไปในปอด บุหรี่ไฟฟ้ายังสามารถใช้เพื่อส่งสารแคนนาบินอยด์ เช่น กัญชา และยาอื่นๆ

บุหรี่ไฟฟ้าจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักซึ่งได้แก่ แบตเตอรี่ (Battery) ตัวที่ทำให้เกิดไอและความร้อน (Atomizer หรือ Coil) และสุดท้ายคือตลับเก็บน้ำยา (Cartridge) และที่ขาดไม่ได้นั้นก็คือ น้ำยา เพราะหากบุหรี่ไฟฟ้าจะทำงานได้ไม่เต็มรูปแบบถ้าขาดน้ำยา  

คอยล์บุหรี่ไฟฟ้าทำหน้าที่อะไร?

คอยบุหรี่ไฟฟ้า (heating Coils) เป็นส่วนประกอบของบุหรี่ไฟฟ้าโดยทำหน้าที่คือเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นความร้อนเพื่อสร้างไอน้ำที่เกิดจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า คอยบุหรี่ไฟฟ้าสำเร็จ ส่วนใหญ่จะอยู่ในอะตอมของบุหรี่ไฟฟ้า ในขณะที่คอยบางชนิดจะอยู่ในกล่องบุหรี่ไฟฟ้าเลย คอยบุหรี่ไฟฟ้า ทำหน้าที่นำไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไปที่ขดลวด โดยมีสำลีหุ้มอยู่

เราควรเปลี่ยนคอยล์บุหรี่ไฟฟ้ามีไหร่?

วิธีการเปลี่ยนคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าเพียงแค่ถอดชิ้นส่วนของคอยล์แยกออกจากตัวเครื่องและเปลี่ยนตัวใหม่เข้าไปแทน โดยสังเกตว่า ตัวคอยล์ไหม้เสียหายหรือไม่ นอกจากนี้ควรเช็คเบื้องง่ายๆ เพื่อเปลี่ยน

1.ขณะสูบมีเสียงดังผิดปกติ ตัวคอยล์ที่มีความร้อนจะทำการปฏิกิริยา กับน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เกิดเสียงขึ้นได้เล็กน้อย หรือไม่มีเสียงเลย แต่ถ้าหากเกิดเสียงดังขึ้นจนผิดปกติแสดงว่าคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าของคุณนั้นหมดอายุแล้ว ให้เปลี่ยนคอยล์ใหม่ได้เลย

2. มีกลิ่นไหม้ผสมปนมากับไอ หากการใช้งานสูบของคุณเริ่มสัมผัสได้ดึงกลิ่นของความฉุนแปลกๆ และมีกลิ่นไหม้ คุณควรทำใจและเข้าเว็บไซต์เพื่อซื้อคอยล์ใหม่ได้เลยเพราะเมื่อคอยล์ส่งกลิ่นไหม้แล้ว นั้นหมายถึงตัวลวดและตัวของสำลีของคอยล์ที่คุณใช้ได้หมดสภาพการใช้งานเป็นที่เรียบร้อย

3.เมื่อสูบแล้วควันน้อย สาเหตุเกิดจากการเสื่อมสภาพของคอยล์ที่ถูกใช้มาอย่างยาวนาน จึงทำให้ควันที่ได้อ่อนและบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหากเปลี่ยนคอยล์ใหม่แล้วยังคงควันน้อยอยู่อาจจะเป็นปัญหาที่เกิดจากตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าของคุณเองก็เป็นได้

3 ขั้นตอนการดูแลคอยล์เบื้องต้น เพื่อไม่ให้ไหม้ไวจนเกินไป

●พยายามอย่าสูบถี่ติดกัน
●เลือกใช้น้ำยาที่ไม่หวานเกินไป เพราะจะทำคอยล์ไฟม้และทำให้สำลีดำไว
●ไม่ปล่อยให้น้ำยาแห้งคาแท้งค์

ความแตกต่างกันระหว่างบุหรี่ธรรมดากับบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอย่างไร?

บุหรี่ไฟฟ้ามีข้อดีที่แตกต่างจากการใช้บุหรี่ปกติทั่วไป เช่น บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีควันจากการเผาไหม้เหมือนในบุหรี่ปกติทั่วไป ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) หรือสารพิษอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมองแตกได้นั้นเองครับ 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและตัวคอยล์ของบุหรี่ไฟฟ้าที่เราได้นำมาให้ทุกๆ ท่านได้ศึกษากันในวันนี้ เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้ที่แวะเวียนเข้าอ่านกันนะครับ เราหวังว่าจะเป็นตัวช่วยในแนะนำสำหรับทั้งมือใหม่และมือเก๋าได้เข้าใจถึงความสำคัญของคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าครับผม

โทษของบุหรี่ไฟฟ้า
โทษของบุหรี่ไฟฟ้าที่คุณเองก็คาดไม่ถึง

“บุหรี่ไฟฟ้า” กลายเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน เนื่องจากมีการประกาศห้ามการนำเข้าและครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าโดยรัฐบาล จึงมีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็หยิบยกข้อมูลบางด้านมาสนับสนุนความเห็นของตน ทำให้สังคมและประชาชนทั่วไปเกิดความสับสนเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้ว่าควรจะเชื่อหรือปฏิบัติอย่างไรกันแน่ ในวันนี้จึงขอรวบรวมข้อสงสัยต่างๆ และบอกถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้าที่คุณเองก็คาดไม่ถึง ให้ทุกคนได้รับความรู้กันครับ

บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร ?

“บุหรี่ไฟฟ้า” เป็นอุปกรณ์สูบบุหรี่ชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้กลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำที่ประกอบไปด้วยสารเคมีต่างๆ โดยปราศจากควันที่เกิดขึ้นกับบุหรี่ปกติทั่วไป ซึ่งจะประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ แบตเตอรี่สำหรับทำให้เกิดไอและความร้อน (Atomizer) และน้ำยาที่มีกลิ่นปรุงแต่งต่างๆ ที่จะประกอบไปด้วยสารเคมีมากมาย อาทิเช่น
– นิโคติน ซึ่งถือเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง เป็นสารที่ทำให้ร่างกายเสพติดการสูบบุหรี่
– โพรไพลีนไกลคอล เป็นส่วนประกอบในสารสำหรับการทำให้เกิดไอ
– กลีเซอรีน เป็นสารเพิ่มความชื้นที่จะผสมผสานกับสารโพรไพลีนไกลคอล 
– สารแต่งกลิ่นและรส เป็นสารเคมีที่ใช้กับอาหารทั่ว ๆ ไป ซึ่งมีความปลอดภัยเมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอที่สูบหรือสูดแล้วเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกายบ้าง

เราสามารถเลิกบุหรี่ด้วยการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจริงหรือ ?

ผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าหลายรายเครมไว้ว่า “การสูบบุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้โดยการเปลี่ยนมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าก่อนแล้วค่อย ๆ เลิกสูบไปเอง”  ซึ่งได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่โดยการเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่ทั่วไปมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งให้ข้อสรุปที่ขัดแย้งกัน มีทั้งสรุปว่าช่วยและไม่ช่วย  แต่เมื่อศึกษาตัวอย่างในกลุ่มผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยที่ไม่มีประวัติการสูบบุหรี่หรือยาสูบมาก่อน ซึ่งพบว่าโอกาสที่คนกลุ่มนี้จะหันไปสูบบุหรี่นั้นเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเลยหล่ะครับ

ภัยซ่อนเร้นจากการดูดบุหรี่ไฟฟ้า

ระบบหลอดเลือดและหัวใจมีปัญหา ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากสารนิโคตินมีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดในร่างกายตีบและหดตัว ทำให้เลือดที่ต้องไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายมีไม่เพียงพอ ส่งผลให้อวัยวะขาดเลือดและออกซิเจน จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้

ระบบทางเดินหายใจมีปัญหา ขึ้นชื่อว่าสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นแบบธรรมดาหรือแบบไฟฟ้าก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียต่อปอดของเราทั้งสิ้น เนื่องจากร่างกายของเราจะทำการกรองอากาศเพื่อรับออกซิเจนเข้าสู่กระเลือด หล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย แต่สารเคมีในควันหรือไอของบุหรี่เหล่านี้จะส่งผลทำให้การขนส่งออกซิเจนในเม็ดเลือดแดงเสื่อมถอยลงได้

ระบบประสาทเสื่อมถอย จากงานวิจัยและการศึกษาข้อมูลผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ารวมถึงบุหรี่ธรรมดาหลายรายจะรู้สึกมีความสุข รู้สึกสบายใจ หัวโล่ง หรือมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้นหลังสูบบุหรี่ อาการดังกล่าวเป็นผลจากสารนิโคตินได้ไปควบคุมการหลั่งของสารโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้คนเรารู้สึกมีความสุขและพึงพอใจมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีผลข้างเคียงต่อระบบการตอบสนองของระบบประสาทเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดีครับ

โรคเบาหวาน มีโอกาสเกิดขึ้นในผู้สูบบุหรี่มากกว่าคนทั่วๆ ไป เนื่องจากสารนิโคตินมีผลทำให้การหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) เพิ่มขึ้นได้ ฮอร์โมนดังกล่าวจะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้น จึงเป็นผลให้ผู้ที่สูบบุหรี่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน